การสรรหาที่เป็นธรรม (Fair Recruitment): คู่มือปฏิบัติสำหรับบริษัท
- Mahée Leclerc
- Apr 29
- 2 min read
การสรรหาคือจุดเริ่มต้นที่กำหนดความเป็นจริงในการทำงานของคนหลายล้านคนทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในวงจรการจ้างงาน ปัจจุบัน Fair Recruitment ได้กลายเป็นหนึ่งในความคาดหวังหลักสำหรับธุรกิจที่มุ่งมั่นดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน (human rights due diligence) และการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainability)
แม้ว่าความสำคัญของ Fair Recruitment จะได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่มีคำจำกัดความสากลที่ตกลงกันอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปแล้ว Fair Recruitment หมายถึงกระบวนการสรรหาที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีจริยธรรม และโปร่งใส ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากแรงงาน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และให้ความเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิมนุษยชน
สิ่งสำคัญคือ การปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการสรรหาที่มีจริยธรรม บริษัทอาจดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายของประเทศได้ แต่ยังคงใช้แนวปฏิบัติที่ขัดต่อมาตรฐานสากลในด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องสอดคล้องกับกรอบแนวทางระดับนานาชาติ เช่น ILO General Principles and Operational Guidelines for Fair Recruitment และ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs) ไม่ใช่เพียงแค่กฎหมายภายในประเทศ
คู่มือนี้จะอธิบายความหมายของ Fair Recruitment ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นต่อธุรกิจ และขั้นตอนที่บริษัทสามารถดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและกฎระเบียบใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
Fair Recruitment คืออะไร?
Fair Recruitment หมายถึงกระบวนการสรรหาที่ดำเนินการอย่างโปร่งใส ปราศจากการแสวงหาผลประโยชน์ และยึดมั่นในสิทธิและศักดิ์ศรีของแรงงาน แรงงานต้องไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการได้งาน ต้องได้รับข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับเงื่อนไขการทำงาน และต้องได้รับการคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติและการละเมิด
กรอบแนวทางระดับโลกกำหนดองค์ประกอบพื้นฐานดังนี้:
ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากแรงงาน
มีการป้องกันการหลอกลวง การบังคับ และการล่วงละเมิด
ไม่มีการเลือกปฏิบัติในการสรรหา
สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชน รวมถึงเสรีภาพในการเดินทางและสภาพการทำงานที่มีศักดิ์ศรี
มีการเข้าถึงกลไกรับเรื่องร้องเรียนและการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ
Fair Recruitment มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแรงงานข้ามชาติ ซึ่งมักเผชิญกับความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากการพึ่งพานายหน้า ข้อจำกัดทางกฎหมาย อุปสรรคทางภาษา และการเข้าถึงกลไกยุติธรรมที่จำกัด
เหตุผลที่ Fair Recruitment มีความสำคัญต่อธุรกิจ
การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและกฎระเบียบ
ภูมิทัศน์ทางกฎระเบียบกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรอบแนวทางใหม่ ๆ เช่น Corporate Sustainability Due Diligence Directive (CSDDD) ของสหภาพยุโรป กำหนดให้บริษัทต้องประเมินและจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา ตลอดห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินงาน
บริษัทที่ไม่บูรณาการ Fair Recruitment อาจเผชิญกับ:
โทษปรับและบทลงโทษทางกฎหมาย
ความเสียหายต่อชื่อเสียง
การถูกจำกัดการเข้าถึงตลาด
การลดความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการและชื่อเสียง
การละเมิดในการสรรหาสามารถนำไปสู่:
การพบการใช้แรงงานบังคับและการสั่งห้ามนำเข้าสินค้า
การยกเลิกสัญญาจากผู้ซื้อที่มีจริยธรรม
การฟ้องร้องโดยแรงงานที่ได้รับผลกระทบ
การเผยแพร่ข่าวเชิงลบที่ทำลายชื่อเสียงองค์กร
Fair Recruitment ไม่เพียงแต่ปกป้องแรงงาน แต่ยังช่วยปกป้องบริษัทจากวิกฤตที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
การเสริมสร้างผลการดำเนินงานด้าน ESG
Fair Recruitment มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างคะแนน ESG และแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบทางสังคม ช่วยสร้างความยั่งยืนทางสังคม เสริมความแข็งแกร่งให้ห่วงโซ่อุปทาน และสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว
หลักการสำคัญของ Fair Recruitment
Employer Pays Principle: ค่าธรรมเนียมการสรรหาและค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรตกเป็นภาระของแรงงาน
หนึ่งในหลักการสำคัญของ Fair Recruitment คือ Employer Pays Principle หรือหลักการที่นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการสรรหา ไม่ใช่แรงงาน
การครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา ตั้งแต่ค่าบริการนายหน้า ค่าวีซ่า ค่าพาหนะ จนถึงค่าตรวจสุขภาพ มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการก่อหนี้และความเสี่ยงต่อการใช้แรงงานบังคับ
ความโปร่งใสและข้อมูลครบถ้วน
กระบวนการสรรหาจะต้องโปร่งใส แรงงานต้องได้รับสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรในภาษาที่เข้าใจได้ ชี้แจงบทบาทงาน ค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน และกลไกรับเรื่องร้องเรียนอย่างชัดเจน ก่อนเดินทางไปทำงาน
การปกป้องจากการแสวงหาผลประโยชน์
การสรรหาต้องปราศจาก:
การเปลี่ยนสัญญาหลังจากเดินทางถึงที่ทำงาน
การยึดพาสปอร์ตหรือเอกสารประจำตัว
การจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่าหรือการระงับค่าจ้าง
การใช้การบังคับขู่เข็ญ
Fair Recruitment รับประกันสิทธิของแรงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดระยะเวลาการจ้างงาน
ความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ
แรงงานต้องได้รับการสรรหาตามคุณสมบัติ ไม่เลือกปฏิบัติโดยอิงจากสัญชาติ เพศ ศาสนา เชื้อชาติ หรือสถานะการอพยพ
การเข้าถึงกลไกรับเรื่องร้องเรียนและการเยียวยา
แรงงานต้องสามารถร้องเรียนและขอการเยียวยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อสิทธิถูกละเมิด
ผู้มีบทบาทหลักใน Fair Recruitment
การบรรลุเป้าหมาย Fair Recruitment เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของหลายฝ่าย:
รัฐบาล
รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการสร้างกรอบกฎหมาย ควบคุมการดำเนินงานของนายหน้า และอำนวยความยุติธรรมให้แก่แรงงาน รวมถึงการจัดทำข้อตกลงทวิภาคีและพหุภาคีระหว่างประเทศ
นายจ้าง
นายจ้างต้องรับผิดชอบให้แน่ใจว่าการสรรหาทำอย่างมีจริยธรรม ไม่ว่าดำเนินการโดยตรงหรือผ่านตัวแทน พวกเขาต้องกลั่นกรองนายหน้า ห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากแรงงาน และส่งเสริมความโปร่งใส
นายหน้าจัดหางาน
นายหน้ามีหน้าที่ดำเนินการตามจริยธรรม ปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และหลีกเลี่ยงการเอารัดเอาเปรียบแรงงาน การปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น International Recruitment Integrity System (IRIS) ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ
แรงงานและสหภาพแรงงาน
แรงงานมีบทบาทในการเสริมสร้างเศรษฐกิจ ส่วนสหภาพแรงงานมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม Fair Recruitment และสนับสนุนการเรียกร้องสิทธิแรงงาน
NGO สมาคมนายจ้าง นักวิชาการ และสื่อ
ภาคประชาสังคม เครือข่ายธุรกิจ นักวิจัย และสื่อมวลชน มีบทบาทในการเผยแพร่ปัญหาการสรรหา ผลักดันการปฏิรูป และสร้างการรับรู้สาธารณะ
การสร้างระบบ Fair Recruitment ต้องอาศัยความร่วมมือข้ามภาคส่วนและพรมแดน
ความเสี่ยงในการสรรหา: ทำไมแรงงานข้ามชาติจึงมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
แรงงานข้ามชาติมักเผชิญกับความเสี่ยงที่ทับซ้อนกันระหว่างการสรรหา เช่น:
การเก็บค่าธรรมเนียมการสรรหาที่สูงเกินจริง ซึ่งนำไปสู่การก่อหนี้
การเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือข้อมูลหลอกลวง
การยึดหนังสือเดินทาง
การระงับหรือชำระค่าจ้างล่าช้า
การขาดช่องทางการร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ แรงงานหญิงข้ามชาติยังเผชิญกับความเสี่ยงที่เกิดจากเพศสภาพ เช่น การคุกคาม การเลือกปฏิบัติ และสภาพการทำงานที่แสวงหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะในภาคส่วนอย่างการทำงานในบ้าน
หากไม่มีมาตรการปกป้องที่แข็งแกร่ง ความเสี่ยงในการสรรหาสามารถพัฒนาเป็นการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับได้อย่างรวดเร็ว
การสรรหาที่เป็นธรรมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างไร
Fair Recruitment มีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหลายข้อ ได้แก่:
SDG 8: งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ: ยุติแรงงานบังคับและส่งเสริมการจ้างงานที่ปลอดภัยและเป็นธรรม
SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ: ส่งเสริมการย้ายถิ่นฐานอย่างมีระเบียบ ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ
SDG 17: หุ้นส่วนเพื่อการบรรลุเป้าหมาย: เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมระบบการย้ายถิ่นและการจ้างงานอย่างยั่งยืน
Fair Recruitment ไม่เพียงแต่เป็นพันธสัญญาขององค์กร แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก
การเสริมสร้างการเจรจาสังคมเพื่อขับเคลื่อน Fair Recruitment
การบริหารจัดการระบบการสรรหามักอยู่ภายใต้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย หรือหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง โดยมีการมีส่วนร่วมอย่างจำกัดจากภาคเอกชนและแรงงาน อย่างไรก็ตาม การเจรจาสังคม (social dialogue), การเจรจาและการปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาล นายจ้าง และแรงงาน, มีความสำคัญต่อการสร้างระบบการสรรหาที่เป็นธรรมและชอบธรรม
การส่งเสริมการเจรจาสังคมที่แข็งแกร่งสามารถ:
ปิดช่องว่างเชิงนโยบาย
เพิ่มความโปร่งใส
สร้างความเชื่อมั่นของสาธารณะในระบบการย้ายถิ่นแรงงาน
เสริมสร้างการบังคับใช้มาตรฐานการสรรหา
การฝังการเจรจาสังคมในการกำกับดูแลการสรรหาเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างระบบแรงงานข้ามชาติและการจ้างงานที่เคารพสิทธิระยะยาว
ILO Fair Recruitment Initiative
โครงการ ILO Fair Recruitment Initiative ซึ่งเปิดตัวในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม:
การวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ระดับโลกเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการสรรหา
การปรับปรุงกฎหมายและกลไกการบังคับใช้ในระดับประเทศ
การส่งเสริมแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่เป็นธรรมในหมู่นายจ้างและนายหน้า
การเสริมสร้างอำนาจและการปกป้องแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ
โครงการนี้ทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางเชิงปฏิบัติในการสร้างระบบการสรรหาที่โปร่งใสและเคารพสิทธิในระดับโลก
บทสรุปสำคัญ: การสร้างระบบ Fair Recruitment
ไม่มีคำนิยามที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกเกี่ยวกับ Fair Recruitment: บริษัทต้องยึดตามมาตรฐานสากล ไม่ใช่เพียงกฎหมายท้องถิ่น
การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอ: การสรรหาที่มีจริยธรรมหมายถึงการปกป้องแรงงานจากค่าธรรมเนียม การเลือกปฏิบัติ และการแสวงหาผลประโยชน์
หลักการ Employer Pays Principle เป็นศูนย์กลางของ Fair Recruitment: แรงงานไม่ควรต้องจ่ายเพื่อได้งาน
แรงงานข้ามชาติมีความเสี่ยงสูงต่อการละเมิดในกระบวนการสรรหา
Fair Recruitment สนับสนุนการบรรลุ SDGs หลายข้อ โดยเฉพาะ SDG 8 และ SDG 10
การเสริมสร้างการเจรจาสังคมเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Fair Recruitment
บริษัทที่ลงทุนใน Fair Recruitment กำลังสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น มีความสอดคล้องตามข้อกำหนด และยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
บทสรุป: Fair Recruitment เป็นรากฐานของธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ
Fair Recruitment ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้นำที่มีจริยธรรมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นข้อกำหนดพื้นฐานที่นักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล ผู้ซื้อ และผู้บริโภคคาดหวัง
ด้วยการบูรณาการหลักการ Fair Recruitment บริษัทสามารถ:
ป้องกันความเสี่ยงจากการใช้แรงงานบังคับและการแสวงหาผลประโยชน์
เสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน
ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้าน human rights due diligence
สร้างความไว้วางใจในแบรนด์และความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน
การลงทุนใน Fair Recruitment ตั้งแต่วันนี้คือการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ที่การเคารพสิทธิของแรงงานเป็นศูนย์กลางของความสำเร็จทางธุรกิจและการเป็นพลเมืองโลกอย่างแท้จริง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Fair Recruitment คืออะไร?
กระบวนการสรรหาที่ดำเนินการอย่างมีจริยธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากแรงงาน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือการเอารัดเอาเปรียบ
ทำไม Fair Recruitment จึงมีความสำคัญ?
เพราะช่วยปกป้องแรงงาน ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เสริมสร้างผลการดำเนินงานด้าน ESG และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
Employer Pays Principle คืออะไร?
หลักการที่ระบุให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสรรหา
ทำไมแรงงานข้ามชาติจึงมีความเสี่ยงมากกว่าในกระบวนการสรรหา?
เพราะมักเผชิญกับค่าธรรมเนียมแอบแฝง การหลอกลวง การบังคับ และการคุ้มครองทางกฎหมายที่อ่อนแอในประเทศปลายทาง
Fair Recruitment สนับสนุน SDGs อย่างไร?
ช่วยส่งเสริมการทำงานที่มีคุณค่า ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบการย้ายถิ่นที่ยั่งยืนในระดับโลก
.png)